hhg

Epilogue


ความทรมานแห่งการรอคอยมีวันสิ้นสุดเสมอ


2 ปีต่อมา


ภาพของเหมือนคินทร์ในความคิดของเมืองน่านไม่ค่อยชัดเจน เท่าไหร่นัก มันเลือนราง ฟุ้งๆ เหมือนภาพแห่งความฝัน สองปีแล้วที่ คนตัวเล็กได้แต่เฝ้ารอการกลับมาของใครอีกคน เขาเชื่อว่าคนตัวสูงจะ ต้องกลับมาในสักวันหนึ่ง และหน้าที่ของเขาก็คือการตั้งหน้าตั้งตารอ คอยต่อไป


เขาได้ข่าวของเหมือนคินทร์ในช่วงสองเดือนแรกหลังจาก เจ้าตัวเดินทางกลับอเมริกา และหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ข่าวอีกฝ่ายอีก เลย น่านมั่นใจว่าเหนือคงจะอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ เดินทางและ หยุดพักไปเรื่อยๆ จากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่ง เพียงแต่เขาก็ได้แต่หวัง ว่าที่สุดท้ายจะมาถึงในเร็ววัน


ตอนนี้เมืองน่านเรียนอยู่ปีสี่ การเรียนค่อนข้างหนัก กิจกรรมก็ เยอะเช่นเดียวกัน เขาจึงไม่มีเวลามานั่งคิดฟุ้งซ่านเท่าไหร่ ครอบครัว ของเขาเองก็ยังคงเหมือนเดิม คนตัวเล็กยอมรับที่พ่อไม่สนใจมา ตั้งแต่แรกได้แล้ว แต่เขาก็ดีใจที่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยอมรับในการ ตัดสินใจของเขา


ใช้ชีวิตของเมืองน่านที่เป็นเมืองน่านจริงๆ


“หมอกเป็นอะไร เห็นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” เมืองน่านมักสงสัย พฤติกรรมแปลกประหลาดของเพื่อนอย่างสัตยา เขาเจอกันไม่บ่อยนัก มากสุดก็สัปดาห์ละครั้ง แต่ทุกครั้งที่พบกันอีกฝ่ายมักมีเรื่องราวสนุกๆ


มาเล่าให้ฟังเสมอ


“เปล่าหรอก แค่แกล้งไอ้ปีมัน"


“ระวังเถอะ แกล้งมากๆ จะได้นอนนอกห้อง "โดนไล่จนชินแล้ว เดี๋ยวหายงอนก็มาตามให้เข้าไปนอนข้างใน


คลอด"


"ชีวิตดีเนาะ" ร่างบางได้แต่เบะปากด้วยความหมั่นไส้


สองปีแล้ว ความรักของหมอกกับเพื่อนของเขาไปด้วยกัน


ได้ดี ดูทั้งคู่จะมีความสุขที่ได้ทำอะไรร่วมกันและมักเล่าให้เขาฟังเสมอ แต่ที่น่าเศร้าก็คือ....เขาแทบลืมไปด้วยซ้ำว่าความรู้สึกแบบนั้นของเขา เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่


หากจะย้อนกลับไปก็คงเป็นตอนนั้น ตอนที่เขาและเหนือ นคินทร์โบกมือลากันตรงสถานีรถไฟ


“แล้วเจอเขาบ้างมั้ย” หมอกหันมาถาม


"ไม่ค่ะ"


"ไม่ได้ข่าวเลยเหรอ"


คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมา ทุกครั้งที่พูดถึงการรอคอยอัน ยาวนาน รอยยิ้มของเมืองน่านจะเลือนหายไปจากใบหน้าทันที หลงเหลือแต่เพียงความหวังในดวงตาสองข้างเท่านั้น


“เฮ้ย อย่าคิดมาก อ่านนี้ดีกว่า กระทู้ดีมีสาระ...ชีวิต แลกเปลี่ยนในอเมริกา 20+" คนตัวสูงรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยาก ให้เพื่อนสนิทจมจ่อมอยู่กับคนในอดีตมากเกินไป

"มีสาระตรงไหน แค่เห็นเราอายุก็รู้แล้ว”


“ก็นี่ไง เผื่อหาสาระเจอในกระทู้


เมืองน่านชอบเล่นพันทิป เขาชอบอ่านและแลกเปลี่ยน ประสบการณ์กับคนแปลกหน้าทั้งที่ไม่เคยพบกัน และครั้งหนึ่งหากยัง พอจำได้ ใครคนนั้นก็เคยออกตามหาความหมายของพันทิปเช่นกัน


"ขอหัวข้ออื่นบ้างได้มั้ยหมอก"


"ทำยังไงดีมีเมียบ้าอ่านาจ"


"คิดว่าเป็นชีวิตของตัวเองเหรอ ระวังเถอะ ถ้าปีมาได้ยินเข้า


นายดายแน่"


"งั้นหาอ่านเองแล้วกัน คิดว่านายน่าจะเข้าไปดูห้องบลูแพลเน็ต บ้างเผื่ออยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวไกลๆ รีวิวแจ่มๆ เยอะเลย"


“อืม...ก็ดีเหมือนกัน"


มือบางเลื่อนไปบนหน้าจอสัมผัส ปล่อยให้เพื่อนตัวสูงนั่งดื่มต่ำ กับเครื่องดื่มรสชาติหอมหวาน ส่วนตัวเองก็หันมาจดจ่อกับโทรศัพท์ มือถือ กดไปดูรีวิวท่องเที่ยวของคนนั้นคนนี้บ้าง แม้ช่วงหลังมานี้เขา จะไม่ว่างได้ออกไปเที่ยวที่ไหนนอกจากในกรุงเทพฯ ก็ตาม


"สามวันสองคืน สโลว์ไลฟ์ที่หลีเป๊ะ" ริมฝีปากบางอ่านข้อความ ตรงหน้าอย่างสนใจ


มันทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาของการทิ้งตัวลงบนเรือประมง ท่ามกลางความมืด แต่ท้องฟ้ากลับเต็มไปด้วยแสงดาวจนสว่างกระทบ กับผืนน้ำ ที่นั่นเขามองเห็นดาวในน้ำ


"อยากไปเหรอ” หมอกถาม


"ไม่ค่ะ เคยไปมาแล้ว”


"ไปแล้วก็ไปอีกได้"


"ถ้าไม่มีเขา เราก็ไม่อยากกลับไป”


"โอเค คิดว่านายควรหาหนังสือสักเล่มไว้อ่านแก้เครียด การ อ่านพันทิปบางทีก็ทำให้รู้สึกหดหู่" เมืองน่านหัวเราะ เขาคิดว่ายิ่ง พยายามเลี่ยงไม่คิดถึงอดีตมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีสิ่งที่กระตุ้นจิตใจเขา ให้กลับไปนึกถึงมันมากขึ้นเท่านั้น


"ไม่เป็นไรหรอกน่า"


"แน่ใจ?"


"อื้ม ดูอย่างกระทู้นี้สิ เจ้าของร้านกาแฟคนนี้ตามหาใคร เออ ตลกดีเดี๋ยวนี้มีคนตามหากันในพันทิปด้วย หมอกว่าจะเจอมั้ย"


"ถ้าโลกกลมก็คงเจอ ลองเข้าไปอ่านดูสิเผื่อเป็นคนที่เรารู้จัก"


"เพ้อเจ้อ"


พูดแบบนั้น แต่กลับห้ามนิ้วมือของตัวเองให้กดเข้าไปอ่าน ไม่ได้เมืองน่านไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนตั้งกระทู้ แต่แรงดึงดูดบางอย่าง ทำให้เขาต้องทำอย่างนั้น


ด้านในไม่มีเนื้อหาอะไรมากไปกว่าข้อความไม่กี่บรรทัด และ


รูปภาพเพียงสามภาพ


ตามหาคนในรูป


เราเห็นเจ้าของร้านกาแฟคนนี้มักแปะภาพของคนคนหนึ่งไว้ ตรงผนังร้าน แต่พอมีคนไปถามเขากลับตอบแค่ว่าเป็นคนรัก และเขา กำลังตามหาอยู่ เราเลยคิดว่าคงจะดีถ้าพวกเขาได้เจอกันอีกครั้ง


ป.ล. ร้านกาแฟชื่อ @Seasky อยู่เชียงใหม่


ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโพลง เขาเลื่อนรูปภาพไม่กี่ภาพ ย้อนกลับไปกลับมาหลายครั้ง ในร้านไม่มีรูปเจ้าของติดอยู่ แต่ผนังของ ร้านคือสถานที่ในอดีตที่เขากับเหนือนอินทร์เคยไปด้วยกัน เมืองน่าน คิดว่ามันคงเป็นความบังเอิญที่อาจจะมีใครสักคนเคยไปในที่แห่งนั้น เหมือนกับเขา


ถ้าหากรูปสุดท้ายไม่ได้มี...เสื้อกันหนาวของเหมือนคินทร์คลุม อยู่บนร่างกายของคนในรูป เขาเมื่อสองปีก่อน


แม้จะหันหลัง แต่คนตัวเล็กรู้ดีว่านั่นคือเขา


เมืองน่านลืมไป...


เพราะมัวแต่เฝ้ารอการกลับมาของใครอีกคนตลอดเวลา จน หลงลืมไปว่าความจริงแล้วเขาเองต่างหากที่ควรเริ่มออกตามหาอีกฝ่าย บ้าง ทำไมถึงไม่เคยเอะใจเลยสักนิด คนตัวสูงเคยบอกเอาไว้ว่าเขา อยากสร้างบ้านที่เชียงใหม่ และมั่นใจว่าถ้ามันคือความจริง บ้านหลัง นั้นคงเสร็จสมบูรณ์ไปนานแล้ว


"หมอก..." เสียงหวานติดสั่นพูดขึ้น


"หืม?"

"ไปส่งเราหน่อยสิ"


"ไปที่ไหน หรือว่ารู้จักกับคนที่เจ้าของกระทู้ตามหา


"ใช่ เราเจอแล้ว"


"เราจะไปเชียงใหม่"


วันศุกร์สุดสัปดาห์มาถึง เมืองน่านเก็บกระเป๋าเตรียมเดินทาง ขึ้นเหนือด้วยความหวังอันเปี่ยมล้น แบกความฝันและการเฝ้ารอตลอด สองปีใส่เป้ เขากำลังจะจบการเดินทางแสนยาวนานด้วยตัวเอง


หมอกกับปีเป็นสารถีพาเขาไปถึงเชียงใหม่ด้วยรถยนต์คันเดิม แวะพักบ้างเมื่อรู้สึกเมื่อยล้า แต่ก็ใช้เวลาไม่นานจนกระทั่งมาถึง จุดหมาย เมืองน่านแทบจะอดรนทนไม่ไหว เขาอยากเจอกับเหนือ นคินทร์ อยากเจอคนรักที่ไม่เจอกันยาวนานเกือบสองปี


และเมื่อถึงโรงแรม เมืองน่านก็รีบปลีกวิเวกเดินทางมายัง ร้านกาแฟตามที่กระทู้ในพันทิปบอกเอาไว้ด้วยตัวเอง เขายืนอยู่นาน เพื่อเช็กความมั่นใจว่าตัวเองมาถูกที่แล้วจริงๆ ภาพตรงหน้าเป็นคาเฟ ไม้น่ารักที่ดูอบอุ่น แม้ภายในจะมองเห็นความวุ่นวายของผู้คนก็ตามที่


ด้านบนถูกสร้างเอาไว้คล้ายเป็นบ้านอีกหลังสำหรับเจ้าของ เมืองน่านต้องทำใจอยู่นานกว่าจะรวบรวมความกล้าก้าวเข้าไปภายใน สุดท้ายเขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าประตู


คนตัวเล็กแค่กลัว ว่าความหวังจะพังทลายลงตรงที่เขาไม่ได้ พบกับเหมือนตินทร์


ยอมรับว่าเหนื่อย แต่ก็หยุดไม่ได้


ต่อให้ไม่ได้เจอกันในวันนี้ เมืองน่านก็คงต้องออกตามหา เขา ทนรออีกฝ่ายโดยไม่คิดจะทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว


ไป


"ไม่เป็นไร..." พูดปลอบใจตัวเองชั่วครู่ ก่อนจะผลักประตูเข้า


เสียงกระดิ่งตรงประตูเป็นสัญญาณให้เจ้าของร้านรับรู้ว่ามี ลูกค้าคนใหม่เข้ามา กายบางย่างเท้าไปข้างหน้า สายตาจดจ้องไปยัง เคาน์เตอร์ที่มีใครบางคนยืนอยู่


ไหล่กว้างๆ ของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งสูงราว 180 ซม. กับกลิ่น กาแฟคละคลุ้งทำให้เขารู้สึกใจเต้นแรงอย่างน่าประหลาด


ภาพโพลารอยด์บนฝาผนัง


เพลง Collide ของ Morgan Wallen ที่เปิดคลออยู่ภายในร้าน


กระป๋องเบียร์เก่าๆ หน้าเคาน์เตอร์


กระถางดอกกุหลาบสีชมพูที่เขาจำได้ดีและเข้าใจมาตลอดว่า


มันต้องออกดอกเป็นสีขาว


รวมถึงคำสัญญาที่เคยมีต่อกัน


วันนี้...เป็นจริงแล้ว


เมืองน่านไม่ได้แค่ฝันไป เขากำลังยืนอยู่ในที่แห่งใหม่ แต่กลับ อบอวลไปด้วยความรู้สึกเดิมๆ ที่เคยได้รับจากผู้ชายคนหนึ่ง


ร่างบางก้าวเท้าเข้ามาประชิดกับเคาน์เตอร์ ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เกือบหนึ่งนาทีจนกระทั่งเจ้าของร้านซึ่งกำลังหันหลัง และง่วนอยู่กับ

การทำกาแฟหันมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ


สำหรับเมืองน่าน เหมือนคินทร์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เขายังเหมือนเดิม เป็นที่จดจำและหล่อเหลาที่สุดใน


ความทรงจํา


ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง ก่อนคนตัวสูงจะวางถ้วยกาแฟร้อนที่ทำ เสร็จลงบนเคาน์เตอร์ ใบหน้าเรียบเฉยในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นรอย ยิ้ม และนี่อาจเป็นรอยยิ้มที่กว้างที่สุดของคนตัวสูงเช่นกัน


"ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ"


THE END



Comments

Popular posts from this blog

Makalah Bandung Lautan Api

20 Karakter Cowok Tertampan Di Anime Naruto