hhg

Epilogue ความทรมานแห่งการรอคอยมีวันสิ้นสุดเสมอ 2 ปีต่อมา ภาพของเหมือนคินทร์ในความคิดของเมืองน่านไม่ค่อยชัดเจน เท่าไหร่นัก มันเลือนราง ฟุ้งๆ เหมือนภาพแห่งความฝัน สองปีแล้วที่ คนตัวเล็กได้แต่เฝ้ารอการกลับมาของใครอีกคน เขาเชื่อว่าคนตัวสูงจะ ต้องกลับมาในสักวันหนึ่ง และหน้าที่ของเขาก็คือการตั้งหน้าตั้งตารอ คอยต่อไป เขาได้ข่าวของเหมือนคินทร์ในช่วงสองเดือนแรกหลังจาก เจ้าตัวเดินทางกลับอเมริกา และหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ข่าวอีกฝ่ายอีก เลย น่านมั่นใจว่าเหนือคงจะอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ เดินทางและ หยุดพักไปเรื่อยๆ จากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่ง เพียงแต่เขาก็ได้แต่หวัง ว่าที่สุดท้ายจะมาถึงในเร็ววัน ตอนนี้เมืองน่านเรียนอยู่ปีสี่ การเรียนค่อนข้างหนัก กิจกรรมก็ เยอะเช่นเดียวกัน เขาจึงไม่มีเวลามานั่งคิดฟุ้งซ่านเท่าไหร่ ครอบครัว ของเขาเองก็ยังคงเหมือนเดิม คนตัวเล็กยอมรับที่พ่อไม่สนใจมา ตั้งแต่แรกได้แล้ว แต่เขาก็ดีใจที่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยอมรับในการ ตัดสินใจของเขา ใช้ชีวิตของเมืองน่านที่เป็นเมืองน่านจริงๆ “หมอกเป็นอะไร เห็นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” เมืองน่านมักสงสัย พฤติกรรมแปลกประหลาดของเพื่อนอย่างสัตยา เขาเจ...

hsh






- จุดหมายที่ 19 -


ฟุตบอลเจ็ดคนจะมีการแข่งขันหลังเลิกเรียนราวๆ ห้าโมงเย็น โดยเป็นการแข่งแบบพบกันหมดของแต่ละชั้นปี แต่นัดเปิดสนามวันนี้ เป็นการเจอกันของน้องใหม่ปีหนึ่งกับพี่ใหญ่ปีสี่ แน่นอนว่ากองเชียร์นัก บอลจัดเต็มตั้งแต่กลองสันทนาการและพร็อพเชียร์หลากหลาย ไม่นาน กองเชียร์ก็เริ่มทยอยมากันอย่างหนาตา เพราะนอกจากจะให้ทุกคนใน คณะมาร่วมลุ้นร่วมเชียร์แล้วยังเปิดให้คณะอื่นๆ เข้ามาดูการแข่งขัน ด้วย


แน่นอนว่าผู้ชมส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เนื่องจากการแข่งฟุตบอล เจ็ดคนเป็นงานกีฬาประเพณีของคณะซึ่งมีมาตั้งแต่งตั้งคณะ ดังนั้นจึง เป็นที่สนใจของหลายๆ คน อีกอย่างหนึ่งคณะผมเป็นคณะที่มีประชากร ชายมากกว่าหญิงครึ่งต่อครึ่ง ส่วนใหญ่ยังเป็นนักกีฬาหรือเล่นกีฬา กันเป็นงานอดิเรก จึงไม่แปลกใจหากสาวๆ จะมาเชียร์นักกีฬาหล่อๆ ติดขอบสนาม


วันนี้นอกจากผมต้องมาเป็นกองเชียร์ปีหนึ่งแล้วยังทำหน้าที่ เฝ้าสมบัติให้ไอ้แสนเพราะมันลงเป็นตัวจริงในการแข่งขันด้วย หลังจากเร่งฝีเท้าสุดชีวิตมาจากห้องเรียนรวมที่ยิ่งใหญ่ (คณะผมอยู่อีก ฝั่งของมหาวิทยาลัย) เนื่องจากวันนี้อาจารย์ปล่อยเลตเล็กน้อย ปีหนึ่ง จึงต้องวิ่งตาลีตาเหลือกเพื่อไปให้ทันเวลาแข่ง จนไอ้แสนมันแยกไป วอร์มร่างกายที่สนามบอลคณะแล้ว ขณะที่ผมวิ่งไปเอาเสื้อบอลให้มันที่ โรงยิมและแวะเข้าห้องน้ำก่อน


ผมวักน้ำใส่หน้าแรงๆ ชำระคราบเหงื่อเพราะวิ่งมาจน เหนื่อยหอบจังหวะที่ลืมตาขึ้นมองกระจกก็ต้องสะดุ้งโหยงที่เห็นใคร บางคนยืนมองอยู่ด้านหลัง


"อ๊ะ พีฟ้า"


ร่างสูงกดยิ้มบางๆ ให้ก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ๆ นั่นทำให้ผม


หันรีหันขวางหน้า น


"เด็กขี้อาย


ผมก้มหน้างุดๆ เมื่อปลายนิ้วเรียวยาวนั่นเกลี่ยแก้มผมเบาๆ


"กลัวอะไรผมเนีย"


ผมส่ายหัว


"หือ?"


"ไม่ได้กลัวครับ"


พี่ฟ้าเลิกคิ้ว


"ผมเปน"


พี่ฟ้าปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะวางมือบนหัวผม


แล้วโยกเบาๆ


"อะไรกัน วันก่อนยังบอกชอบผมอยู่เลย


อย่ารื้อฟื้นได้มั้ยเล่า ผมค้อนให้อีกฝ่าย


"ผมจะดีใจมาก ถ้าพี่ฟ้าไม่แซวเรื่องวันนั้น


"วันไหน


ดวงตาคู่คมพราวระยับขณะจับจ้องกันตรงๆ


"อ๋อ"


ผมทำปากยื่นใส่อีกฝ่ายที่แกล้งไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างน่าหมั่นไส้


"วันที่ธร..."


"ฮั่นแน่"


ผมสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อพี่โดมกับพี่พี่ทโผล่เข้ามาในห้องน้ำ สองคนนั้นทําหน้าเหมือนจะแซวผมกับพี่ฟ้า เรียกให้สองแก้มของผม ร้อนฉ่าขณะที่คนตัวโตแค่ยักไหล่


"ทําไมทําหน้าเสียดายแบบนั้นไอ้ฟ้า"


"พวกกูไม่ได้ตั้งใจมาขัดจังหวะนะโว้ย"


สองคนนั้นเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย


"ตอแหล"


ฟีฟ้าตอบกลับแบบนิ่มนวล จนเพื่อนๆ พี่มันก๊าก นั่นทำให้ ผมสังเกตว่าพี่ฟ้าและเพื่อนๆ แกอยู่ในเสื้อและกางเกงบอลเหมือน พร้อมจะลงสนามยังไงยังงั้น


"ไงมึงไอ้ธร วันนี้จึงเชียร์ปีไหนวะ"


"พวกพี่ลงแข่งด้วยเหรอครับ"


"ไอ้ฟ้าเป็นกัปตันทีมปีสี่”


พี่ๆ หลิ่วตาให้ผม


"นั่นก็เพื่อน นี่ก็ผ.....


ไอ้พี่โดม ไอ้พีพีทแม่ง


"ก็เชียร์ทั้งหมดแหละพี่"


ผมพูดเสียงแผ่ว


"ไม่มีเอนเอียงไปทางไหนมากกว่าเหรอวะ


ไอ้พี่โดม แม่งโคตรถามชี้โพรง


ผมทำหน้าอึกอัก ขณะที่พี่ฟ้าเองก็ยืนกอดอกรอฟังหน้านิ่ง


เขียว

“ก็เชียร์ทั้งสองทีมแหละครับ


"มึงนี่หลายใจว่ะ"


พี่โดมพูดขำๆ ก่อนจะแยกออกไป


"พี่ฟ้า"


"สู้ๆ นะครับ"


"แค่นี้เหรอ"


พี่ฟ้าถามหน้านิ่งจนผมเริ่มใจเสีย


"ก็ เอ่อ ขอให้พี่ อ๊ะ"


พี่ฟ้าดันผมจนแผ่นหลังติดกับผนัง ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามา


"ไหนพูดอีกทีว่าเชียร์ใคร"


ผมสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง แววตาฟฟ้าระยิบระยับแพรวพราวจน


มองแล้วตาลาย


"เซียร์ทั้งคู่ครับ"


ฟีฟ้าทําหน้าไม่สบอารมณ์


แต่เอาใจช่วยพี่มากกว่านิดหน่อย


ว้ พูดเองเขินเอง

~ อ้ายคนแมน แสนคนห่าม ~


'มาเชียร์ผมด้วยนะครับ


ทั้งที่บอกตัวเองว่ายังไงก็ต้องมาเชียร์เพื่อนสนิท แต่ทันทีที่ มาถึงสนามแข่ง ในหัวก็นึกถึงแต่ข้อความที่ใครบางคนส่งมาเมื่อคืน และสุดท้ายก็ห้ามสายตาตัวเองไม่ได้ จนต้องมองไปยังผู้เล่นเบอร์สิบ ของปีหนึ่งที่กำลังเลี้ยงบอลสับขาหลอกอยู่กลางสนามโน่น


นัดเปิดสนามวันนี้ค่อนข้างคึกคัก ยิ่งตอนที่ไอ้ฟ้าหรือไอ้แสน คนใดคนหนึ่งได้เลี้ยงลูกเสียงกรี๊ดดังมาจากรอบทิศ จนผมต้อง กลอกตาไปมาด้วยความหมั่นไส้ ก็พอจะรู้อยู่ว่าพวกมันดังพอตัว โดยเฉพาะได้เด็กเปรตนั่นซึ่งเป็นทั้งลีดคณะทั้งยังพ่อตาแหน่ง เดือนเฟรชชี่ด้วย แน่นอนว่าใครต่อใครต่างก็รู้จักมันทั้งนั้น


"แสน เก่งชะมัด"


"เนอะๆ คนอะไรเก่งทั้งกีฬาทั้งกิจกรรม


"อื้อ ได้ยินมาว่าสมัยเรียนมัธยมเคยเป็นนักบอลโรงเรียนด้วย ผมเบะปากตอนที่บังเอิญได้ยินสองสาวตรงหน้ากำลังอวยไอ้ ห่านั่นอย่างไม่ลืมหูลืมตา


"ที่สําคัญโสดด้วย"


ผมเม้มปากทันที เออ มันโสด แต่แม่งไม่สดเวีย


ปี๊ด!


สิ้นเสียงนกหวี


สิ้นเสียงนกหวีดเป่าพักครึ่งการแข่งขัน นักบอลส่วนใหญ่ก็ ทยอยเดินมาพักและยืดเส้นคลายกล้ามเนื้อกันที่ข้างสนาม เห็น แบบนั้นผมเลยหมายจะผละไปยังกองเชียร์ฝังตัวเองทันที ถ้าหากว่า ใครบางคนไม่เห็นแหวกสาวๆ มาหาผมซะก่อน


"นกว่าจะไม่มาเชียร์ผมซะแล้ว"



ผมเบะปากมองสภาพมันที่เหงื่อชุมเต็มหน้า ใบหน้าขาวแดง


ท่าทางเหนื่อยหอบไม่น้อย


"กูมาเชียร์เพื่อนกูต่างหาก"


"งั้นเอง ผิดฝั่ง"


ไอ้แสนพูดยิ้มๆ


"นั่นน้ำผมเหรอครับ"


ผมรีบซ่อนน้ำเปล่าในมือไว้ด้านหลังจนอีกฝ่ายยิ้ม


"กซื้อมาฝากพวกนั้นหรอก


"ขวดเดียวเนียนะครับ”


ฉิบหาย! ไอ้พวกห่านั้นมีกันทั้งสามคน


มันยักไหล่ก่อนจะคว้าขวดน้ำในมือผมไปเปิดดื่มหน้าตาเฉย "ชื่นใจ"


"ไอ้ฟ้าหน้าตึงแล้วถึง"


พี่พีทกระซิบข้างหูก่อนจะผละไปอีกคน สุดท้ายในห้องน้ำจึง เหลือแค่ผมกับพี่ฟ้าอีกครั้ง ร่างสูงหันไปข้างหน้าล้างตานิ่งๆ ผมเลยได้ แต่ยืนเงียบก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แล้วกระตุกชายเสื้อพี่มันเบาๆ

"กูกรอกน้ำส้วมใส่ขวดมานะ"


มันหัวเราะจนไหล่สั่น


"เหรอครับ แต่ผมว่าฝาเกลียวนี่มันเหมือนยังไม่เคยเปิดเลย ครบบิดฝาอยู่ตั้งนาน


ผมชักสีหน้าใส่มันทันที แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่สนใจแล้วยัง กระตุกาข้อมือผมให้เดินตามกันไปติดๆ


“ท่าอะไรเนี่ย


"กูกรอกน้ำส้วมใส่ขวดมานะ"


มันหัวเราะจนไหล่สั่น


"เหรอครับ แต่ผมว่าฝาเกลียวนี่มันเหมือนยังไม่เคยเปิดเลย ครบบิดฝาอยู่ตั้งนาน


ผมชักสีหน้าใส่มันทันที แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่สนใจแล้วยัง กระตุกาข้อมือผมให้เดินตามกันไปติดๆ


“ท่าอะไรเนี่ย


"ไปยืนตรงนั้นให้เมื่อยทําไมล่ะครับ สแตนด์ข้างสนามที่ว่าง


เยอะแยะ"


ว่างห่าอะไรล่ะ สาวๆ นั่งเบียดแทบจะขี่คอกันอยู่แล้ว


"ไปนั่งแทนที่ไอ้ห่าธรเลย เมื่อกี้พี่ฟ้าล้มนิดเดียว มันวิ่งปรู๊ด ไปสแตนด์ฝั่งโน้น ทิ้งผมหน้าตาเฉย


ผมตามเพราะเมื่อกี้ไอ้ฟ้าลื่นหญ้าบนสนามเนื่องจากฝนเพิ่ง ตกใหม่ๆ แน่นอนว่าไอ้น้องธรมันหน้าตื่นวิ่งหน้าตั้งไปสแตนด์ปี แทบจะทันที เหมือนที่ไอ้ห่านี่พูดเลยแหละ


"แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน"


"ดีอะไร"


ผมหรีตามองมัน


"พี่มาเชีย ปีหนึ่ง ส่วนไอ้ธรก็ไปเชียร์ปีสี่แทน"


"ใครบอกกูเชียร์มิง"


ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พลางมองไปรอบๆ จึงได้เห็นสายตาใคร่รู้ ของหลายคนที่กำลังจ้องมองผมกับไอ้แสน นั่นทำให้ผมรีบเบือนหน้า


"เชียร์ผมเถอะครับ ผมจะได้มีกำลังใจเตะครึ่งหลัง"


"คนเชียงเยอะแยะ"


"แต่คนพวกนั้นไม่ใช่พี่ไง


ไอ้บ้านี่พูดเบาๆ ก็ได้โว้ย มึงไม่เห็นเหรอว่ามีคนเงี่ยหูฟังอยู่อ่ะ ผมถลึงตาใส่มันทันทีเมื่อไอ้เด็กเปรตคว้ามือผมไปกุมแล้วบีบเบาๆ


"ไอ้แสนปล่อย"


ผมกระบีบเสียงลอดไรฟัน พยายามสะบัดมือหนีจากการเกาะ


กุมของมัน


"บอกว่าจะเขียผมก่อน"


"ไอ้ห่านี่"


"เร็วสิครับ"


"เออ


"เออคือ?"


"นะ"


"..." มันทําหน้าเว้าวอน


"สู้ๆ นะ"


"ครับ"


ครับ"


ครับเฉยๆ ก็ได้มั้ง เลือกยิ้มทำไมวะ


หยุดยิ้มเลยนะมึง


หยุดโว้ย หยุด ไม่รู้เหรอว่ามึงทำให้เป็น


- อ้ายคนแมน แสนคนห่าม ~


"พี่ฟ้าลื่นล้ม"


ผมทำหน้าตื่นตอนที่ได้ยินเสียงเพื่อนพูดกันเซ็งแซ่ ก่อนหน้านี้ ผมก้มหน้าล้วงหาของในกระเป๋าเป้อยู่ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคนตัวโต นอนราบอยู่บนสนามหญ้าแล้ว


ใจผมกระตุกวาบ!


กว่าจะรู้ตัวอีกทีผมก็กระโจนไปที่ข้างครับ"


ครับเฉยๆ ก็ได้มั้ง เลือกยิ้มทำไมวะ


หยุดยิ้มเลยนะมึง


หยุดโว้ย หยุด ไม่รู้เหรอว่ามึงทำให้เป็น


- อ้ายคนแมน แสนคนห่าม ~


"พี่ฟ้าลื่นล้ม"


ผมทำหน้าตื่นตอนที่ได้ยินเสียงเพื่อนพูดกันเซ็งแซ่ ก่อนหน้านี้ ผมก้มหน้าล้วงหาของในกระเป๋าเป้อยู่ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคนตัวโต นอนราบอยู่บนสนามหญ้าแล้ว


ใจผมกระตุกวาบ!


กว่าจะรู้ตัวอีกทีผมก็กระโจนไปที่ข้างสนามฝั่งโน้นแล้วสนามฝั่งโน้นแล้ว


ผมทาหน้ายักษ์ใส่อีกฝ่ายทันที


"พอเลยครับ เดี๋ยวก็ได้เลี้ยงจริงๆ หรอก" "ไม่กลัว" พี่ฟ้าพูดยิ้มๆ เพราะรู้ว่าเจ็บยังไงก็มีคนดูแล ผมหน้าร้อนผ่าวทันทีที่ได้ยินแบบนั้น


ฟุตบอลเจ็ดคนใช้เวลาแข่งน้อยกว่าฟุตบอลปกติ นัดเปิดสนาม ระหว่างปีหนึ่งกับปีสี่เสมอกันไปด้วยคะแนนหนึ่งต่อหนึ่ง หลังจบการ แข่งขันนักบอลทั้งปีหนึ่งและปีสี่ก็กอดคอเฮโลกันไปเองที่ร้าน เฮียดาร์ฟเช่นเคยเอาจริงๆ ผลแพ้ชนะไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอก เพราะ จุดมุ่งหมายที่สำคัญคือการสร้างความรักความสามัคคีของพี่น้องร่วม คณะ


ระหว่างที่ช่วยพี่ๆ เก็บขยะและอุปกรณ์การเชียร์ต่างๆ นั้น พวกพี่ฟ้าก็แวบไปอาบน้ำล้างตัวที่ห้องน้ำกันก่อนที่ผมจะตามไปสมทบ แต่ตอนที่เดินถึงมุมตึกที่เชื่อมไปยังห้องน้ำ เสียงโหวกเหวกโวยวาย ของคนคู่หนึ่งก็ดังขึ้นมาจนผมต้องหยุดชะงักและถือวิสาสะยืนแอบฟัง ไปด้วย


"ไอ้ห่าพี่โดม กูไม่ใช่เปถึงนะเว้ย"


เสียงพีวีโวยวาย


"ไหนวันที่ยันกตกบันไดนั่นสัญญาซะดิบดีว่าจะเป็นเบให้สาม


"แกล้งลืมบ้าง ไต้โว้ย"


"กูเป็นคนลืมยาก"



"เดินมาเร็วๆ เด็กสมบูรณ์ อ้วนแล้วยังอืดอาดอีก"


"ผมไปอ้วนบนหัว รึไง"


อีกฝ่ายว่าฉุนๆ


"มึงยืนบนหัวกูไม่ไหวหรอก แค่เดินธรรมดาไม่ให้หอบก็ยาก


"แสรดดด"


พี่วีร้องโวยวายขณะที่สะพายเป้อันหนักอึ้งของเจ้านายสาม เดือนขึ้นหลัง โดยที่มือข้างหนึ่งหัวรองเท้าสตั๊ด


"อย่าบ่น"


"เกลียดมึงว่ะพี่โดม"


"แต่กูชอบมึงนะ"


หือ?


ผมหูกระดิกขณะที่คนรับสารอย่างพีวีเสียงอ้วกพร้อมสีหน้า


ขยะแขยง


"ขนลุก"


พี่โดมหยุดเดินแล้วเหลือบตามองพี่นิ่งๆ


"มึงนี่ไม่รู้อะไรเลยเนอะ"


"รู้อะไรวะ"


พี่โดมกลอกตาไปมาก่อนจะตบตูดแรงๆ


"รับเดิน"


"เซีย บีบ ตกูทําไมวะ"

เสียงพี่โดมพูดไปหัวเราะไป


"กันนิ่มดีนี่หว่า"


"เชี่ยยยยย"


"พูดมากเดี่ยวขาทั้งสองข้างเลยนะ


"พ่อ"


เสียงร้องโวยวายก่อนจะวิ่งนำไป โดยมีพี่โดม งตามไป


ชักจะยังไงๆ แล้วสินะ!


"ระวังเป็นตากุ้งยิง"


เสียงกระซิบจากด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งโหยง รีบหันขวับกลับ มาหาเจ้าของเสียงทันที


"ผมไม่ได้ตั้งใจแอบดูใครสักหน่อย"


พี่ฟ้าที่กลับมาอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวเก่งกับกางเกงนิสิตสีดำยืน


กอดอกอยู่ตรงหน้า


"ไปกันเถอะ พวกนั้นไปรอที่ร้านเฮียตาร์ฟแล้ว"


"ครับ"


ตอนนี้บรรยากาศ คณะมืดสนิทแล้ว แต่โชคดีว่ามีไฟติดตาม สนามหญ้าและตัวอาคารเป็นระยะ ทําให้ไม่น่ากลัวนัก


"ธร"

"ครับ"


"ซอรับอยได้มั้ย"


ผมยิ้มเขินก่อนจะยื่นมือตัวเองไปให้ มันจับทันที


จับ

"แล้วอย่าบ่นให้ปล่อยแล้วกัน"


"ไม่มีทาง


ผมพูดเบาๆ


"ผมรอจับมือพี่ฟ้ามาทั้งชีวิตแล้ว


"ผมไม่ปล่อยหรอก อ๊ะ"


ผมถูกพี่ฟ้า วัดตัวเข้าไปในอ้อมกอด พี่ฟ้าโอบกอดผมด้วย แขนทั้งสองข้าง





เสียงหัวใจเราเต้นไปพร้อมๆ กัน


“ถ้าคุณอยู่ในอ้อมแขนคนอื่นอาจจะรู้สึกสบายใจ แต่ถ้าคุณอยู่ ในอ้อมแขนของผมเมื่อไหร่ ผมสัญญาว่ามันจะยิ่งกว่าสบายใจและ ปลอดภัย เพราะพี่จะดูแลธรด้วยหัวใจ"


"เป็นแฟนกันมั้ย"


ผมยืนอึ้ง มือทั้งสองข้างวางทาบอยู่บนแผ่นอกของคนตัวโต


"พี่ฟ้าชอบผมจริงๆ ใช่มั้ยครับ"


"แล้วเราล่ะ"


ไม่ใช่แค่ชอบ แต่มันคือความรัก


ผมหลงรักท้องฟ้า


"รัก"


"ผมรักพี่ฟ้า"


"นั่นแหละคือคําตอบของพี่


"พูดให้ผมแน่ใจได้มั้ย"


"รัก"


"รักนะครับ"


"พี่รักธรนะ"


แย่จัง


ฟีฟ้าทําผมร้องไห้ซะแล้ว ผมร้องไห้ด้วยความดีใจ เป็นน้ำตาที่ บ่งบอกว่าจุดหมายที่ผมไขว่คว้ามาตลอดนั้นคือจุดหมายที่วันนี้ผมไป ถึงแล้วจริงๆ


"อะไรติดปาก"


ผมสะดุ้งโหยงใบหน้าแดง รีบยกมือขึ้นโดปากตัวเอง ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนตัวโต พี่ฟ้าขยิบตาให้ก่อนจะกระซิบเบาๆ


ข้างหูว่า


"หนึ่งสี่สาม"

ผมหันขวับไปตามเสียงนั้น กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ริมฝีปากหนา ขยับมาปิดทับริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา


"ปากติดปาก"


"ปากติดแก้ม"


ริมฝีปากพี่ฟ้าขยับไปที่แก้ม แล้ววกกลับมาที่ริมฝีปากผม


"ปากติดใจ...ปากของธร






Comments

Popular posts from this blog

Makalah Bandung Lautan Api

hhg

20 Karakter Cowok Tertampan Di Anime Naruto